ในชีวิตของคนเรานั้นจะได้พบกับความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมิตรสหายที่เข้ามาในชีวิตของเราในช่วงเวลาหนึ่งๆและจากไปทีละคนสองคน แฟนของเราที่ในตอนนี้กลายเป็นแฟนเก่าคนที่สาม ที่สี่ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรานั้นกลับหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จากผู้กำกับหว่องกาไวนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับความสัมพันธ์ของมนุษย์เรามากนัก เขามักพูดถึงการจากลาในชีวิตของมนุษย์หลายรูปแบบในภาพยนตร์หลากเรื่อง การจากลาของชายหนุ่มและหญิงสาว พ่อของตัวละครที่จากโลกใบนี้ไปอย่างเศร้าโศก กระทั่งการพบพานกับความรักผิดที่ผิดเวลาที่ดูแล้วช่างหวานขม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังพร้อมที่จะกล้ำกลืนมันลงไปทั้งที่รู้ตัวว่าเราจะเจ็บปวดกับมันมากเพียงใด
*เนื้อหาที่จะพูดดังต่อไปนี้มีสปอยล์ในเรื่อง*
Right person, wrong time
“Right person, wrong time” คือคำนิยามในภาพยนตร์เรื่อง In the mood for love ตัวเรื่องได้กล่าวถึงความรักต้องห้ามสุดคลาสสิคระหว่างหญิงชายผู้มีคนรักอยู่แล้ว “คุณนายชาน” (โซวไหล่เจิน) หญิงสาววัยกลางคนที่ตัดสินใจเช่าห้องเล็กๆในอาคารแห่งหนึ่ง โดยมี “คุณเชา” (โชวโมวัน) ที่มาเช่าห้องในอาคารแห่งนี้เช่นกัน ความสัมพันธ์ต้องห้ามในครั้งนี้ดำเนินไปอย่างเนิบช้า เราจะเห็นได้ในช่วงแรกว่าพวกเขาเดินเฉียดกันไปกันมา ความรักของคนทั้งคู่ในช่วงแรกดูเหมือนจะไปได้ดี แต่มันก็แค่ดูเหมือน เพราะท้จริงแล้วชีวิตคู่ของพวกเขานั้นช่างจืดชืดยิ่งกว่าน้ำซุปในหม้อก๋วยเตี๋ยว มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ หากความรักของพวกเขาทั้งคู่ไปได้ดี เส้นขนานของคุณนายชานและคุณโชวก็คงไม่อาจวิ่งมาบรรจบกันได้ และทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวถึงคือเหตุผลว่าทำไมคำว่าผิดที่ผิดเวลาจึงเหมาะสมกับหนังเรื่องนี้เหลือเกิน
“เนคไท” “กระเป๋า” ความนัยซุกซ่อนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเริ่มขึ้น
เนคไทของคุณโชว และกระเป๋าของคุณนายชาน ส่วนตัวแล้วเราชอบฉากนี้มากๆจนต้องนำออกมาพูดถึงอีกครั้ง เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์เราสามสี่คนที่ทำให้เส้นขนานของคุณนายชานและคุณโชวได้มาบรรจบพบกัน ในซีนนี้เราจะได้เห็นบทสนทนาที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเกี่ยวกับกระเป๋าของเธอและเนคไทของเขา นั่นทำให้คุณนายชานและคุณโชวสงสัยว่า บางทีสามีของเธอและภรรยาของเขา อาจลักลอบเป็นชู้กันและซื้อของพวกนั้นให้กันก็เป็นได้
ความคับแคบชวนให้รู้สึกอึดอัด องค์ประกอบอันทรงเสน่ห์ในภาพยนตร์เรื่อง In the mood for love
หาก Chungking Express คือความสดใสแบบคลุมเครือฉบับหว่องกาไว In the mood for love คงจะเป็นหนังที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดมากสำหรับเราที่สุด เพราะเมื่อได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว เราจะได้เห็นความคับแคบในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรอกซอกซอยในซีนต่างๆ อีกทั้งมุมกล้องของเรื่องนี้ยังจัดให้ดูอึดอัดเสมือนว่าเรากำลังแอบมองความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย นอกเหนือจากนี้ ความคับแคบในซีนต่างๆยังเป็นนัยแฝงที่สื่อถึงความอึดอัดของคนทั้งคู่ ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่อาจขยับขึ้นไปเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากคนข้างๆกันเท่านั้น
นอกเหนือจากบรรยากาศแคบๆสุดคลาสสิค เพลงประกอบจากเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พวกเขาเลือกใช้เพลงประกอบเร้าอารมณ์ และยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้ความหมายของเพลงในแต่ละเพลง
Delete Scenes ที่รู้สึกว่าดีลีทไปก็ถูกต้องแล้ว
ก่อนหน้านั้นเราได้คุยกับพี่ที่ดูหนังเรื่องนี้เหมือนกัน เน้นย้ำกับพี่เขาตลอดว่าดีลีทซีนนั่นไม่มีก็ดีแล้ว ทั้งซีนที่พวกเขาถลำลึกจนจบที่แตะต้องกันและกันอย่างที่เห็นกันในภาพอันซีน และซีนสุดท้ายที่เราอาจจะเคยเห็นกันตามยูทูป ซีนที่คุณเชาได้พบกับคุณนายชานอีกครั้งที่นครวัดและได้พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่อีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะได้เห็นเธอตอบเขากลับมาว่า “ลืมทุกอย่างไปแล้ว” เราคิดว่าซีนนี้ถูกลบออกไปมันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะหากเขาและเธอได้พบกันอีกครั้ง มันจะเจ็บปวดสำหรับคุณเชามากเกินไปหลังจากที่ได้รู้ความจริงว่าเธอมีลูก แล้วเธอก็ไม่หลงเหลือเขาอยู่ในหัวใจแล้วจริงๆ
แม้ว่าเรื่องราวของคุณนายชานและคุณเชาจะจบลงไปนานหลายปี แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่เรานำกลับมาดูอยู่หลายครั้ง เพราะบางครั้งการดูหนังเพียงแค่ครั้งเดียว อาจทำให้เราพลาดหลายละเอียดหลายๆอย่าง หากใครยังไม่ได้รับชมหนังเรื่องนี้ ตอนนี้สามารถดูได้ที่ Disney+ (เพราะออกจากเน็ตฟลิกซ์ไปเรียบร้อยแล้ว) หรือหากใครอยากดูตัวอย่าง สามารถรับชมได้ผ่านยูทูปด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ (เดี๋ยวรอบหน้าอาจจะมาพูดถึงเรื่องสัญญะเสื้อผ้า (กี่เพ้า) ของจางม่านอวี้ในเรื่องนี้ด้วย ถ้าจะพิมพ์ลงไปเลยก็อาจจะเยอะเกินไป ขอตัดจบไว้เท่านี้ก่อนค่ะ)
+ There are no comments
Add yours