หากสับปะรดกระป๋องยังมีวันหมดอายุ แล้วความรักของมนุษย์จะหมดอายุไปด้วยไหม? Chungking Express ภาพยนตร์เก่าจากผู้กำกับมือทอง หว่องกาไวที่ไม่ว่าขวบปีจะผ่านพ้นไปยังไง มันก็ยังคงเป็นภาพยนตร์เหงาหงอยฉบับหว่องที่ไม่ว่าใครก็หยิบมาดูมันซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้กระทั่งตอนนี้ รีวิวจากภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเห็นได้ตามเพจรีวิวหนังในเฟสบุ๊ค ถูกกล่าวขานจากผู้ชมมากมายอีกหลายครั้ง เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าหนังเหงาเรื่องนี้มันทำงานกับใจของคนดูอย่างพวกเราๆตลอดมา ใครหลายคนคงคิดไม่ต่างจากผู้เขียนนัก ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าหนังเรื่องนี้อธิบายความเหงาของมนุษย์ได้อย่างกินใจและสมบูรณ์แบบ แม้ว่าตอนจบของมันจะไม่บอกว่าสุดท้ายแล้วพระนางของเราลงเอยกันหรือไม่ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าหลายๆคนคงสร้างตอนจบในรูปแบบของตัวเองกันไปแล้วโดยไม่ต้องใส่บทอะไรเพิ่มเติมลงไปเลยด้วยซ้ำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวความรักของนายตำรวจสองคนที่มีจุดเริ่มต้นความรักเศร้าสร้อยไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ในช่วงครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้เราจะได้พบกับ ‘223’ (ทาเคชิ คาเนชิโร่) สารวัตรหนุ่มผู้ช้ำรัก เขาเพิ่งถูกแฟนสาวบอกเลิกในวันเอพริลล์ฟูลเดย์ ความเศร้าจากการถูกหักอกและการไม่ยอมรับความจริงทำให้เขาหมกมุ่นทานสับปะรดกระป๋องที่จะหมดอายุก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม เพราะคิดว่าแฟนสาวของเขาอาจจะกลับมาเฉลยทีหลังว่าที่บอกเลิกกันเป็นเรื่องหลอกกันเล่น อีกตัวละครหนึ่งที่เข้ามาเสริมทัพให้เรื่องราวสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก คือเรื่องราวของ ‘663’ (โทนี่ เหลียงเฉาเหว่ย) นายตำรวจหนุ่มชุดฟ้าที่ระหองระแหงกับแฟนสาวแอร์โฮสเตสผู้เคยเป็นอดีตคนรักของเขา จนสุดท้ายเรื่องราวของเธอและเขาก็จบลง เหลือไว้แต่เพียงความเศร้าจากการจากลาที่แอร์โฮสเตสสาวได้ฝากฝังเอาไว้
ปล. อยากพูดถึงเพลงประกอบ ส่วนตัวชอบ California Dreamin’ มากๆ เป็นเพลงที่น่าจะฝากฝังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนที่ได้ดูเรื่องนี้
จุดเริ่มต้นจากการเลิกรา สู่การโหยหาและคำนึงถึง เรื่องปกติของมนุษย์ผู้อกหักจากแฟนเก่า
ทั้ง 223 และ 663 ต่างมีจุดร่วมเดียวกันในครึ่งแรก พวกเขาถูกบอกเลิกโดยแฟนสาวของทั้งคู่ ความโศกเศร้าและความโหยหาแฟนเก่าทำให้ความรู้สึกว่า “เธอจะกลับมา” ปรากฎขึ้นในหัวใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอผู้เป็นที่รักนั้นจากพวกเขาทั้งคู่ไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ภายในวันนั้น 223 ได้พบกับหญิงสาวผมทองในบาร์ที่เขาเชื่อว่าเธอจะเข้ามาเป็นคนดามหัวใจให้ได้ไม่มากก็น้อย และถึงจะรู้ดีว่าเธอจะปฏิเสธเขาอย่างไม่ใยดี เขาก็ยังเลือกที่จะทำแบบนั้นอยู่ดี
เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงแรกๆที่อกหัก ตัวละครที่มีจุดเชื่อมโยงเดียวกันทั้งคู่ต่างโหยหาและมีความหวังเล็กๆว่าแฟนเก่าของพวกเขาจะกลับมา ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนเก่าในชีวิตจริงเท่าไหร่เลย มนุษย์เรานั้นมีวิธีจัดการความเศร้าหลากวิธี หลายคนเลือกที่จะใช้เวลาไปกับความเศร้าเพื่อให้หัวใจได้ลืมเธอ บ้างก็เลือกที่จะพบคนใหม่ๆเพื่อหวังว่าตนเองจะลืมเลือนความสัมพันธ์เก่าๆที่เพิ่งจบลงไปบ้าง วิธีนี้อาจจะทำให้บางคนลืมได้ไวก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางคนที่เขาเลือกจะปล่อยให้เวลาจัดการความเศร้าให้หายไปบ้างเสียทีโดยที่ไม่ต้องพาคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิต
ท่ามกลางความเศร้าจากการจากลาของอดีตแฟนของ 663 และ 223 ยังมีสาวคนหนึ่งที่ฤดูรักของเธอเพิ่งจะเบ่งบาน
หากคุณได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ล่ะก็ คุณคงเคยเห็นอาเฟย (เฟย์ หว่อง) สาวห้าวประจำร้านอาหารที่แอบชอบ 663 ที่มาซื้อกาแฟที่ร้านอยู่เงียบๆ (เฟย์ หว่องในเรื่องนี้น่ารักมาก โอ้มายก้อดดดด ผู้เขียนมั่นใจเลยว่าใครๆก็ชอบเธอหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้จบ) จนกระทั่งวันที่เธอได้แอบอ่านจดหมายจากแฟนเก่าของ 663 ที่มาฝากเอาไว้ที่ร้านอาหาร เธอก็รับรู้ทันทีว่า 663 นั้นเพิ่งอกหักจากสาวแอร์โฮสเตสคนนั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงเริ่มวางแผนเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องของ 663 ทำให้ห้องที่มีความเปลี่ยนแปลงทีละนิดละน้อยนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปโดยที่แม้แต่เจ้าของห้องเองยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ (ฉากที่อาเฟยทำความสะอาดห้องให้ 663 น่ารักมาก อยากให้ทุกคนได้ดูกัน ถึงแม้ว่าการมีคนมาทำอะไรแบบนี้ในชีวิตจริงจะเป็นอะไรที่ดู creepy มากเกินไปหน่อยก็ตาม เราคงไม่อยากให้ใครก็ไม่รู้เข้าห้องมาทำความสะอาดให้หรอก อันตรายจะตายไป)
จากคนแปลกหน้า สู่คนรู้จัก ความปกติในความสัมพันธ์ของมนุษย์
เราอาจสรุปได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เริ่มจากการเป็นคนแปลกหน้า แม้เราจะพบผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ก็ใช่ว่าเราจะเก็บพวกเขาเอาไว้ในชีวิตทุกคน เราเสียคนบางคนในชีวิตไปบ้างเพื่อเริ่มต้นใหม่ เมื่อเรารู้จักผู้คนมากมาย เราจะพบว่าคนบางคนเป็นแค่คนแปลกหน้า รู้จักกันเพียงผิวเผิน บางคนเรารู้จักเขาและสนิทกัน แม้แต่การมีความสัมพันธ์แบบคนรักก็ล้วนต้องเริ่มต้นจากคนแปลกหน้าทั้งสิ้น
จากภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณคงสังเกตเห็นว่าในช่วงแรก 663 จะยังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของอาเฟยเลย แต่เมื่อเขาได้รู้จักเธอ เห็นเธอซ้ำไปซ้ำมาตอนที่ไปซื้อกาแฟ ชวนคุยกับเธอเรื่องเปิดเพลงเสียงดัง ช่วยเธอยกของ จนกระทั่งตอนที่เธอไปทำความสะอาดห้องให้เขา ความรู้สึกของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความรัก ด้วยเหตุนี้ 663 จึงค่อยๆซึมซับสิ่งที่เธอชอบเขามาในหัวใจของเขาเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเพลง California Dreamin’ ก็ได้กลายมาเป็นเพลงโปรดของเขา เพราะเหตุผลนี้เองผู้ชมถึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าความรู้สึกที่ 663 มีให้เฟย์นั้นเป็นความรู้สึกอย่างไร มันเป็นความรู้สึกตกหลุมรักอย่างไม่ต้องสงสัย
ความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นไม่แน่นอน บ้างผิวเผิน บ้างฉาบฉวย อาจปิดท้ายที่จากลากันไปอย่างไม่ใยดี หรือลงเอยอย่างมีความสุขก็ย่อมได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นหนังเหงาที่เข้าใจได้ไม่ยากนักสำหรับใครหลายคน หลังจากที่คุณได้ชมมันจบแล้ว มันอาจให้อะไรกับคุณไม่มากก็น้อย สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนในหนังเรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ของมนุษย์ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองใหญ่ คนบางคนผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงเสี้ยววินาที คุณอาจก้าวเท้าช้าไปหนึ่งก้าว ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น คุณอาจสนใจเธอ แต่เธอก็หลงรักคนอื่นไปเสียแล้ว หรือแม้แต่คนบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงแค่ผิวเผิน แต่เธอกลับจดจำเรื่องเล็กๆของคุณได้ ดั่งสาวเอเย่นต์ผมทองที่นายตำรวจ 223 พบที่บาร์แห่งนั้น ท้ายที่สุดเธอก็เป็นคนเดียวที่ทำให้วันเกิดของเขาไม่ซ้ำซากจำเจหรือน่าเบื่อหน่ายจนเกินไป หรือ 663 ที่ได้พบกับอาเฟยอีกครั้งหลังจากที่เธอกลายเป็นแอร์โฮสเตสเต็มตัว ไม่นานเขาก็ได้ซื้อร้านอาหารที่อาเฟยเคยทำงานมาเป็นของตนเอง ผู้เขียนเดาว่า 663 เองก็คงตกหลุมรักสาวห้าวคนนั้นอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่รอคอยจะได้เจอขนาดนั้น
แม้เราเดินสวนกับผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ใช่ว่าความโดดเดี่ยวนั้นจะถูกชำระล้างออกไปด้วย
คุณคงเคยผ่านความเหงาและผ่านความโดดเดี่ยวมาบ้าง วันที่คุณต้องอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือเดินอยู่ในห้างที่มีคนเป็นจำนวนมาก ภาพยนตร์จากหว่องกาไวมักนำเสนอความเปลี่ยวเหงาของมนุษย์เอาไว้เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณนายชานหรือคุณเชาจาก In the mood for love ไปจนถึงไหลเยี่ยฟาจาก Happy together พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเปลี่ยวเหงาในฉบับของตนเองทั้งสิ้น แม้กระทั่งนายตำรวจทั้งสองจาก Chungking Express ก็เช่นกัน แม้ว่า 223 จะวิ่งจับผู้ร้ายท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองใหญ่หรือเดินชนกับเฟย์ที่กำลังถูพื้นอยู่ที่ร้านอาหาร แต่กระนั้นความเปลี่ยวเหงาในใจของเขากลับไม่ได้ถูกชำระล้างเลยแม้แต่น้อย เขายังคงต้องการจีบสาวผมทองในบาร์ที่เต็มไปด้วยแสงสี และยังอยากให้ใครสักคนส่งข้อความหาเขาเพื่ออวยพรวันเกิดให้เขาอยู่ดี
การจบแบบปลายเปิดที่ให้เราไปคิดต่อเอาเองว่าสุดท้ายแล้ว 663 และเฟย์ได้ลงเอยกันหรือไม่
ผู้เขียนไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คุณคิดว่ามันคือการจบปลายเปิดแบบที่ผู้เขียนคิดหรือไม่ เพราะสำหรับผู้เขียน ตอนจบของ 663 และเฟย์ในภาพยนตร์นั้นไม่อาจสรุปได้ว่าที่จริงพวกเขาลงเอยกันหรือไม่ นี่จึงเป็นเสน่ห์ที่ผู้เขียนมองว่ามันเป็นตอนจบที่ดีสำหรับ Chungking Express มากเหลือเกิน เพราะเมื่อหลายคนดูจบแล้ว พวกเขาอาจได้เห็นภาพในหัวที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจเห็นภาพที่เฟย์และ 663 ลงเอยกันอย่างมีความสุข หรือบางคนอาจจะเห็นภาพใจร้ายอย่าง 663 โดนเฟย์หักอกอีกครั้งอย่างไม่ใยดีในหัวก็เป็นได้
“อยากให้ฉันพาคุณไปที่ไหน”
“ที่ไหนก็ได้ที่คุณอยากให้ผมไป”
ซีนที่ชอบที่สุด ผู้เขียนคงไม่พูดถึงซีนนี้ไม่ได้ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะตัดสลับกันไปมาระหว่าง 223 และ 663 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนจบของ 663 และอาเฟยเป็นซีนที่ใครๆต่างก็อมยิ้มไปกับมัน แม้แต่ผู้เขียนเองยังไม่อาจลืมฉากนี้ไปได้ เพราะมันช่างลงตัวเสียจริงๆ!
มนุษย์เรานั้นอาจพบเจอกับความสัมพันธ์อันเจ็บปวดจนไม่อาจมูฟออนไหวเช่นเดียวกับ 663 และ 223 แต่แท้จริงแล้วเราอาจได้พบกับคนแปลกหน้า ใครสักคนที่ไม่หวือหวา ที่อาจพัฒนามาเป็นคนรู้จัก ไปจนถึงคนรักในชีวิตของคุณ ดังนั้นการจากลานั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ บางคนผ่านเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งๆ บางคนผ่านเข้ามาให้ได้รักและจากไปเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน ขอจงยินดีเมื่อมีคนผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าเรื่องราวของคุณจะจบอย่างไร ผู้เขียนขอให้คุณมีความสุขอยู่เสมอ ยินดีกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เพราะไม่แน่ว่าบางครั้ง คุณอาจพบเจอใครใหม่ๆที่อาจทำให้หัวใจของคุณพองโต เช่นเดียวกับ 663 ที่พบอาเฟยก็เป็นได้
โดย เบญจ์ บุญเจริญ
+ There are no comments
Add yours